ปัจจุบันไม่เฉพาะแต่หน้าร้อนเท่านั้นที่ไอศกรีมจะขายดี แต่สามารถขายได้ทุกฤดู ทุกช่วงโอกาส ด้วยความหลากหลายทางด้านสีสันรสชาติและรูปแบบ ทำให้ไอศกรีมได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาโดยตลอด โดยเฉพาะในจีน จากข้อมูลระบุว่าทั้งปี 2558 ชาวจีนบริโภคไอศกรีมทั้งปีมีมูลค่ารวมกันสูงถึง 6,333 ล้านเหรียณสหรัฐหรือประมาณ 223,027 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณบริโภค 2.8 ลิตรต่อคน
และปัจจุบันยังพบอีกว่าตลาดไอศกรีมในจีนยังเป็นตลาดที่มีการแข่งขันน้อยราย (Oligopoly) มีบริษัทไอศกรีมขนาดใหญ่ประมาณ 10 รายเท่านั้น จึงทำให้ไอศกรีมมีราคาแพงและมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในตลาดจะมีทั้งไอศกรีมบรรจุซองพลาสติก ถ้วย และไอศกรีมโคน นอกจากไอศกรีมสำเร็จรูปแล้วยังมีไอศกรีมจากเครื่องกด (Soft Serve) ซึ่งสามารถพบได้ตามถนนคนเดิน โรงเรียน และร้านอาหาร ส่วนไอศกรีมสัญชาติไทยที่จำหน่ายในตลาดจีน ได้แก่ แบรนด์ Share Love และ Mingo ซึ่งใช้ไอศกรีมรสผลไม้เมืองร้อนเป็นจุดขาย เช่น รสสับปะรด มะม่วง และรสมะพร้าว เป็นต้น
คำแนะนำสำหรับ SME ไทยที่ต้องการเจาะตลาดไอศกรีมในจีน สิ่งสำคัญควรแสวงหาโอกาสความร่วมมือด้านการค้ากับผู้นำเข้า รวมถึงศึกษาถึงเทรนด์การใส่ใจสุขภาพ ผลิตสินค้าที่มีปริมาณไขมันและน้ำตาลต่ำ โดยพบว่า ผู้บริโภคร้อยละ 60 นิยมไอศกรีมไขมันต่ำ ร้อยละ 80 สนใจไอศกรีม Organic แม้ว่ารสชาติไม่ได้เข้มข้นถูกปากเหมือนไอศกรีมธรรมดาทั่วไปก็ตาม
ความคิดเห็นทีม JDIF: ถ้าเพื่อนๆ ชอบไปเดินถนนคนเดินในบ้านเราบ่อยๆ คงจะเคยเห็นร้านไอศกรีม Home made ที่น่ากินและเป็นไทยสไตล์อยู่มากมาย ผมว่าของแบบนี้แหละน่าสนใจมาทำเป็นแฟรนไชส์ ไปบุกจีน เพราะตอบโจทย์ตลาดเฉพาะที่เจ้าใหญ่ๆเค้ายังไม่ทำกัน
ที่มา: ศูนย์ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู